วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

Ugly Jack Purcell Award - May 2011



นี่คือโฉมหน้ารองเท้าที่น่าเกรียดที่สุดในอเมริกา ไม่เปิดเผยครับว่าใครเป็นเจ้าของ(ว่าไปนัน 55+) ผมว่าเป็นรางวัลที่สุดยอดนะครับ จะหาที่ไหนล่ะที่จะทำให้มันโทรมแล้วดูดีได้ขนาดนี้ เซอร์แบบมีสไตร์แบบนี้โดนจีบกันเป็นว่าเล่น ได้ยินว่าพี่ Red Raider ตัวนี้ถูกขอซื้อต่อจากผู้เป็นเจ้าของด้วยมูลค่า 620 ดอลล่า ป้าดด! มีงานประกวดแบบนี้บ้างในบ้านเราคงจะดีไม่น้อย ไม่แน่ถ้ามีแฟนคลับเยอะๆ BKKCONVERSE อาจจะเป็นเจ้าภาพจัดงานให้เพื่อนๆมาอวดปล่อยของชิงเงินรางวัลกันผมก็ว่าเป็นไปได้นะครับ เพื่อนๆจะคิดเห็นว่าไงก็มาเม้นกันหน่อยนะครับ

Jack Purcell Racearound 2007

Jack Purcell Racearound ปี 2007 เป็นสินค้าของทางญี่ปุ่นทีออกแบบมามาดเข้มดี ดูแล้วจะเหมาะกับหนุ่มหน้ามนต์ที่ชอบแนวทันสมัย เท่ๆเนี๊ยบๆ ใส่ออกงานหรือใส่เดินเที่ยวก็สวยซะทีเดียว



Set up to old เซอร์ยังไงให้ถึงขั้น


 

คลิปนี้จะเป็นวิธีแห่งการสร้างรองเท้าสุดงามและสุดใหม่(ใหม่เกินไป)ให้มีความเซอร์ในสไตล์ที่นิยมกัน สำหรับผม Converse มันสวยอยู่แล้วครับไม่ต้องทำถึงขนาดในคลิปก็ได้ สมัยนี้มันต้องเปื้อนนิดนึงก็ดูสวยแล้วครับ

 

Jack Purcell คือใคร? Made in USA ดูที่ตรงไหน?

หลายๆท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรองเท้ารุ่น Jack Purcell มากมาย มันเป็นมายังไง แล้วเอกลักษณ์ที่เป็นของแท้ๆเนี่ยมันเป็นยังไง ผมก็เลยขอสรุปรวบยอดให้ในบทความนี้เลยครับ

รองเท้า Jack Purcell ก็เป็นรองเท้าอีกรุ่นหนึ่งของ Converse ที่ได้ความนิยมมาอย่างยาวนานครับ จุดเด่นของรุ่นนี้ก็คงหนีไม่พ้นสัญลักษณ์ ยิ้ม บริเวณหัวรองเท้า ทำให้ฝรั่งตั้งชื่อเล่นรองเท้า Jack Purcell ว่า “Smile” ครับ หรือ เจ้ายิ้มนั่นเอง วันนี้มาดูประวัติความเป็นมารองเท้า Jack Pucell กันบ้างครับ หลายๆคนคงสงสัยว่านาย Jack Purcell ความจริงแล้วเป็นใคร แล้วเกี๋ยวข้องอะไรกับ Converse ตั้งแต่เมื่อไหร่ Jack Purcell เกิดเมื่อปี 1903 ครับ เป็นชาวแคนนาดาแต่กำเนิด Jack เริ่ม โด่งดังจากการเป็น นักแบดนิมตันอาชีพ โดดเริ่มต้นเส้นทางอาชีพอย่างสวยงามด้วยการคว้าแชมป์ Canadian ational Badminton Champion ในปี 1929 และ 1930 ติดต่อกัน ก่อนจะคว้าแชมป์โลกแบดนิมตันได้สำเร็จในปี 1933. Jack เข้าแข่งขันแบดนิมตันชิงแชมป์โลกหลายครั้ง ไม่มีใครสามารถล้มเค้าได้จนกระทั่งปี 1945 Jack จึงตัดสินใจแขวน แร็คเก็ต ยุติอาชีพนักแบดนิมตัน.

Jack มีส่วนร่วมในการ Design วัสุดลายผ้า และ ยาง สำหรับพื้นรองเท้าแบดมินตัน ให้กับบริษัท B.F Goodrich ใน Canada ตั้งแต่ปี 1935. เค้าออกแบบรองเท้าเพื่อเพิ่มความสามารถในการปกป้องเท้าและ suport นักกีฬาแบดมินตัน. จนกระทั้งปี 1970 Converse ตัดสินใจซื้อ Trandmark, Jack purcell เข้ามาในบริษัท ทำให้ brand Jack Purcell กลายมาอยู่ในร่มเงาของ Converse ตั้งแต่นั้นมา จนถึงปัจจุบัน. ปัจจุบัน Jack Purcell ได้กลายเป็นรุ่นยอดนิยมตลอดกาลของ converse เคียงคู่กับ Serie Chuck Taylor ด้วยกันมา. ปัจจุบันรองเท้า Jack Purcell ยังคงได้รับความนิยม เหมือนเช่นอดีตกาล แตกต่างกันเพียงว่า มันกลายเป็นสัญลักษณ์ทางด้าน Vintage Fashion มากกว่าการเป็นรองเท้ากีฬาเหมือนในอดีต.




ต่อมาก็คือวิธีดูรองเท้า Jack Purcell ซึ่งลักษณะและจุดเด่นตรงไหนถึงเรียกได้ว่าผลิตจากอเมริกาแท้ๆ คลิ๊กขยายดูที่รูปเลยครับ

วิวัฒนาการของรองเท้า Converse ในยุค 70's ถึง 90's



วันนี้เราจะมาพูดถึงความหลังกัน ลองมาย้อนดูอดีตกันว่ารองเท้า Converse ในอดีตที่พอจะหารูปมาได้ จนถึงปัจจุบันกันว่ามีความคลาสสิคยังไง รูปแบบดีไซน์เมื่อก่อนนี้หน้าตาประมาณไหนลองมาดูกันครับ

Converse 70's



งานดูไม่เรียบร้อย เบี้ยวๆ เพราะเป็นงานแฮนเมด และที่ลิ้นรองเท้าไม่มีป้ายผ้า ALL STAR ยุค 80 ก็ไม่มี จะเริ่มมีก็ตั้งแต่ยุค 90 เป็นต้นมาครับ



ป้ายด้านหลังเริ่มแรกจะใช้ป้ายสีดำแบบในภาพ รุ่นที่เห็นจะเป็นใส้ตะเกียงครับ
ใส้ตะเกียงคือแถบผ้าที่อยูตรงส้นเท้าหลัง ที่เป็นผ้าหรือวัสดุคนละแบบกับตัวบอร์ดี้รองเท้า



ที่ซอฟรองเท้าตรงคำว่า Converse จะพิมพ์ด้วยสีดำ ถ้ายุคปี 80 จะเป็นสีน้ำเงิน




Converse 80's




หัวรองเท้าจะเล็กกว่ายุค 90 บางล็อตขีดดำเส้นบนจะใหญ่มากดังรูป



ซอฟจะเป็นแบบนี้ ส่วนสีดำจะหายากกว่า



อันนี้เป็นความเชื่อเล็กๆที่บอกกันมาว่า ป้าย All Star วงกลมด้านข้าง บนสุดสังเกตที่ภาพ ป้ายจะต้องมีติ่งเล็กๆอยู่ จากการเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ พบว่ามีเฉพาะของอเมริกาเท่านั้นที่มีติ่งนี้อยู่ สาเหตุุเพราะมันเป็นป้ายสติ๊กเกอร์ร้อน ซึ่งติ่งนี้ใช้เป็นตัวแกะเวลาที่ลอกออกแล้วเอาไปติดที่รองเท้าครับ แต่ถ้ามือ2 เก่าๆอาจหลุดหายไปก็มีแต่น้อยคู่ครับ


ตรงกลางพื้นที่เบอร์รองเท้า สังเกตที่ภาพมันจะมีดาวหกแฉกดวงเล็กๆอยู่ ของไทยไม่มี ของเกาหลีและอื่นๆมี แต่ของอเมริกาดาวจะมีรูตรงกลาง ของเกาหลีและอื่นๆไม่มี และด้านบนสุดที่พี้นช่องสี่เหลี่ยมยาวมันจะมีลายยางเล็กๆตามไปหมด ของเมกาจะเป็นรูปข้าวหลามตัด ส่วนเกาหลีจะเป็นแท่งสีเหลี่ยม แต่ของไทยและอื่นๆมันก็เป็นสี่เหลี่ยมนะแต่ไม่ละเอียดเท่าของ USA


ป้ายส้นถ้าเป็นรุ่นไส้ตะเกียงมันจะมีในยุค 60-80 ในประเทศอื่นไม่มี
ปี 80 ฐานการผลิตจะมีแต่อยู่ในอเมริกาเท่านั้น



เย็บกันขอบจะเรียกกันว่า ด้ายข้าง มีตั้งแต่ 80 ลงมา 70-60 ยุค 90 ขึ้นไปจะไม่มีครับ




กล่องยุค 80 จะมีอยู่ด้วยกันสองแบบครับ


Converse 90's

หัวรองเท้าของปี 90 จะโตเยอะกว่า 80 และ 70



จะเริ่มมีการใช้บาร์โค้ดมาใช้กับรองเท้า ซึ่งจะพบได้เฉพาะสินค้าที่ได้มาตราฐาน แต่บางคู่อาจจะไม่มีเนื่องมาจากเป็นสินค้าที่ผิดมาตรฐาน หรือผิดรูปทรงต่างๆ จากการผลิต ก็จะไม่มีบาร์โค้ดนี้อยู่ครับ




ที่ซอฟพื้นรองเท้า สังเกตด้านขวามือ มีรูปรองเท้า 3 คู่ และด้านหลังถัดมาจะมีสัญลักษณ์เหลี่ยมเล็กๆ 2 อันอยู่ เจ้านี่มันจะบอกว่าทำจากวัสดุอะไร เช่นสัญลักษณ์สีเหลี่ยม 2 อันหมายถึง ผ้าใบ ส่วนสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดก็คือ ยางพื้น และประเทศที่ผลิตอื่นๆจะไม่มีคำว่า made in usa แต่จะมีชื่อประเทศผลิตนั้นๆที่ตรงบาร์โคดอยู่ที่สลิปด้านใน ส่วนเกาหลีมันจะเป็นแสตมป์เย็บติดไว้ที่ลิ้นเหมือนกัน




ซอฟสองลายนี้เป็นลายสุดท้ายก่อนปิดโรงงานที่อเมริกา




วิธีการสังเกต Converse ของแท้และของปลอม





วันนึงดิฉันก็ได้ไปเจอข้อมูลที่ถือว่ามีประโยชน์ทีเดียวสำหรับนักเล่น Converse หลายๆท่าน มันอาจจะช่วยให้เพื่อนๆ รู้วิธีการสังเกตรองเท้า Converse ของปลอมทั้งหมดของรองเท้าโดยเฉพาะรุ่น Chuck Taylor หวังช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อคุณไปช้อปปิ้ง ซึ่งรุ่น All Star นี้มีราคาขายที่มีราคาสูงพอสมควร และแน่นอนบทความนี้จะนำเอาของจริงมาเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆว่ารองเท้าคอนเวิร์สของปลอมแตกต่างจากของแท้อย่างไร มีจุดบกพร่องบางอย่างที่คุณสามารถมองเห็นได้ง่ายๆจากวิธีที่สังเกตดังนี้ค่ะ


ของแท้ : โลโก้มีความชัดเจนเป็นรูปดาวและมีลายเซ็น Chuck Taylor อยู่บนโลโก้ด้วย
ของปลอม : โลโก้ดูมัวๆดูน่าเกรียดดูยังไงก็ไม่ใช่แน่นอน และเปลี่ยนแปลงคำบางคำของชื่อสินค้าด้วย

ของแท้ : ป้ายสลิปจะปักด้วยฝีเข็มแบบถี่ โลโก้นูนดูชัดเจน เมื่อสัมผัสจะลื่นๆ
ของปลอม : ลักษณะการปักจะเป็นแบบตารางดอทดังภาพ ดูไม่ชัดเจน สัมผัสแล้วจะสากมือ

ของแท้ : ขีดรอบเล็กจะมีความชัดเจน เก็บงานได้เนี๊ยบเข้ากับทรงรองเม้าที่เห็นได้ชัดเจน
ของปลอม : จากภาพของปลอมจะผิดรูปบิดเบี้ยวไม่ได้ทรง และหัวจะป่องกว่าของจริง